วันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2555

iOS 6 vs iOS 5 : เทียบกันชัดๆ แบบจุดต่อจุด


iOS 6 vs iOS 5 : เทียบกันชัดๆ แบบจุดต่อจุด User Interface บน iOS 6 ต่างจาก iOS 5 อย่างไร?
หลังจากที่ได้เห็นความสามารถใหม่ของ iOS 6 จาก บทความเจาะลึกฟีเจอร์ iOS 6 กันไปแล้ว จะเห็นได้ว่า iOS 6 มีฟีเจอร์การใช้งานในหลายส่วนที่เปลี่ยนแปลง และน่าใช้มากทีเดียวครับ ซึ่งนอกจาก iOS 6 จะเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานแล้ว ในส่วนของ User Interface หรือ หน้าตาของ iOS 6 นั้น ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปจาก iOS 5 บ้างเหมือนกัน แต่จะมีการเปลี่ยนในเรื่องใดบ้าง เราจะมาทำการเปรียบเทียบในแต่ละจุด ให้ดูกันครับ
เริ่มกันที่หน้า Lock screen กันก่อน จะเห็นได้ว่า ในหน้า Lock screen บน iOS 6 ไอคอนรูปกุญแจได้หายไปแล้ว
ในส่วนของการรีเฟรชอีเมลมาใหม่ iOS 5 นั้น เป็นไอคอนรีเฟรชด้านล่างซ้าย ส่วน iOS 6 จะเป็นการดึงจากบนลงล่าง เพื่อทำการรีเฟรช นอกจากนี้ แถบบาร์ด้านบน เปลี่ยนเป็นสีโทนฟ้าน้ำทะเล แทนที่สีเงินแบบเดิม
บน iOS 6 นั้น สามารถเพิ่มรูป หรือวิดีโอได้จากหน้าเขียนอีเมลใหม่แล้ว โดยสามารถเพิ่มได้ครั้งละ 1 รูป
Interface ของแอพพลิเคชั่นกล้องถ่ายรูปนั้น ได้มีการเปลี่ยนแถบบาร์ด้านล่าง จากสีเงิน เป็นสีดำ
ในส่วนของ Camera Roll นั้น ได้เพิ่มปุ่ม Photo Stream เข้ามา ซึ่งจะต้องเปิดใช้งาน Photo Stream ก่อนในหน้า Settings
ไอคอน Maps มีการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากมีการเปลี่ยนจาก Google Maps มาเป็น Apple Maps นั่นเอง
แอพพลิเคชั่น Weathers มีการเปลี่ยน UI เล็กน้อย สังเกตตรงขอบ และเส้นแบ่งการพยากรณ์อากาศในแต่ละวันครับ
User Interface ของ Safari นั้น ได้มีการเปลี่ยนสีแถบบาร์ด้านบน จากสีเทา เป็นสีดำ
นอกจากนี้ ยังสามารถแชร์หน้าเว็บเพจได้ ทั้งผ่านทาง อีเมล, Messages, Twitter หรือ Facebook รวมถึงสั่งพรินต์, Copy, Bookmark, เพิ่มในรายการ Reading List และเพิ่มเป็นไอคอนในหน้า Home Screen
นอกจากนี้ การใช้ Safari ในแนวนอน จะสามารถเปิดหน้าเว็บนั้นๆ แบบ Full screen ได้ โดยกดที่ปุ่มลูกศรขยาย มุมล่างขวา
ในส่วนของไอคอน Bookmarks นั้น มี iCloud Tabs เพิ่มเข้ามา
Game Center ได้มีการเพิ่มปุ่ม Challenges
ในส่วนของการใช้งานโทรศัพท์นั้น ได้มีการเปลี่ยน UI ใหม่ จากสีดำ เป็นสีเทาอ่อน แต่ความเห็นส่วนตัวคือ แบบเก่าดูสวยกว่านะครับ
Notification Center สามารถทวีตข้อความลง Twitter ได้จากส่วนนี้
หน้า Settings ได้มีการเพิ่มส่วนของ Do Not Disturb เข้ามา และตัด Personal Hotspot ออก (แต่สามารถเปิดใช้งานได้ ในหมวด Cellular) ส่วนบาร์ด้านบน มีการเปลี่ยนสีเล็กน้อย
ส่วนการปิดการใช้งานเครือข่าย 3G ได้ถูกเอาออกไปบน iOS 6
ในส่วนของ App Store นั้น ได้มีการ re-design เล็กน้อยครับ โดยเปลี่ยนจากพื้นหลังสีเทาเข้ม เป็นสีเทาอ่อน ดูสว่างขึ้น ในส่วนของแท็บ Featured นั้น เปลี่ยนจากการเลื่อนจากบนลงล่าง เป็นจากซ้ายไปขวา และตัดเมนู Top 25 ออกครับ
นอกจากนี้ iOS 6 ยังได้มีการปรับคีย์บอร์ดภาษาไทยให้เป็น 4 แถว จากเดิม 3 แถว ซึ่งการใช้งานในแนวตั้งนั้น อาจจะใช้งานยากซักเล็กน้อยครับ เนื่องจากระยะห่างระหว่างปุ่มนั้นน้อยมาก คนที่นิ้วใหญ่คงจะกดลำบากซักหน่อย แต่ถือว่า ใช้งานได้สะดวกขึ้นมากกว่าแต่ก่อน
สำหรับด้านบนนั้น เป็นการเปรียบเทียบ User Interface ระหว่าง iOS 5 กับ iOS 6 แบบคร่าวๆ ครับ ซึ่งจริงๆ แล้ว อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงมากกว่านี้ สำหรับความเห็นส่วนตัวนั้น ชื่นชอบคีย์บอร์ดภาษาไทยแบบ 4 แถวครับ เนื่องจากพิมพ์ได้สะดวกขึ้นมาก แต่น่าเสียดายที่ปุ่มกดมีขนาดเล็กไปซักเล็กน้อยครับ ซึ่งส่วนที่ไม่ชอบบน iOS 6 คงจะเป็นหน้าโทรออก ที่เปลี่ยนจากสีดำ เป็นสีเทาอ่อน ความรู้สึกส่วนตัวคือ ชอบแบบเก่ามากกว่าครับ เพราะสีเข้มแบบเดิมจะให้ความรู้สึกที่เป็นมิติมากกว่า
อย่างไรก็ดี iOS 6 ที่เปิดให้นักพัฒนาได้ทดสอบใช้งานนี้ เป็นเพียงเวอร์ชั่น beta เท่านั้น ซึ่งการออกอัพเดทในเวอร์ชั่นถัดไป คงจะมีการเปลี่ยนแปลงอีกมาก และต้องออกแบบให้ผู้ใช้งานจริง ได้ใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพที่สุดนั่นเองส่วนกำหนดการอัพเดท iOS 6 สำหรับผู้ใช้งานทั่วไป จะสามารถอัพเดทได้ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่จะถึงนี้ หรือประมาณเดือนกันยายนนั่นเองครับ
คัดลอกจาก : http://hitech.sanook.com/951901/ios-6-vs-ios-5-เทียบกันชัดๆ-แบบจุดต่อจุด/

ความเห็นต่อ iOS 6 ในมุมมองคนไม่ได้ใช้


ออกตัวก่อนว่าปัจจุบันผมไม่ได้ใช้พวก Gadget ที่มักเขียนแปะข้างกล่องว่า Design in California. Assembled in China. ที่มีตราสัญลักษณ์รูปแอปเปิ้ลแหว่ง -- แม้ว่าครั่งหนึ่งจะเคยเป็นเจ้าของทั้ง iMac G4, PowerBook G4 และ iPhone รุ่นแรก
เรื่องมันมีอยู่เล็กน้อยว่า เมื่อคืนวันก่อนแอปเปิ้ลได้เปิดให้ผู้ใช้ังาน Gadget ทั้ง iPhone, iPad และ iPod อัพเกรดระบบปฏิบัติการให้เป็นรุ่นใหม่ล่าสุดคือ iOS 6 โดยในตัวระบบของ iOS 6 ได้มีอะไรหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไปจากความคุ้นชินของผู้ใช้งานในปัจจุบัน

แผนที่ใหม่

New Maps in iOS 6
จุดที่มีเสียงก่นด่ากันมากที่สุดทั่วโลก น่าจะเป็นเรื่องของระบบแผนที่แบบใหม่ ที่ทางแอปเปิ้ลได้ทำการยกเลิกบริการของ Google Maps ระบบแผนที่มาตรฐานที่เคยติดมากับ iPhone ตั้งแต่รุ่นแรกเรื่อยมาจนถึง iOS 5 ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นสุดท้ายที่มีแอพ Google Maps ติดมาพร้อมกับ iOS
ใน iOS 6 แอปเปิ้ลได้ทำการผนึกกำลังจากหลายภาคส่วนในการสร้าง Maps ของตัวเอง -- ที่เอาทรัพยากรจากแหล่งต่างๆ มาจับยำรวมกัน เช่น Getchee, Localeze, Urban Mapping, DMTI, MapData Sciences, TomTom และ Waze เป็นต้น
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามที่แอปเปิ้ลเปลี่ยนจากระบบ Google Maps มาเป็น Maps ของตัวเอง ก็เชื่อว่าถ้าผู้ใช้ยังศรัทธาในสภาพแวดล้อมที่แอปเปิ้ลสร้างเอาไว้ และพยายามปรับตัวให้เข้ากับความสามารถของ Maps แบบใหม่ ก็จะได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุด Maps ของแอปเปิ้ล ก็จะพร้อมสมบูรณ์สามารถนำไปเทียบชั้นกับ Google Maps ที่ถูกถอดออกไป -- เพียงแค่ผู้ใช้อาจจะต้องอดทนรออีกสักหน่อย คิดว่าไม่น่าเกินช่วงการอัพเกรดของ iOS อีก 2 เวอร์ชั่นแน่นอน
ตัวแอพ Google Maps เองก็คงไม่ได้เปิดตัวมาแล้วประสบความสำเร็จในทันที ระบบแผนที่ของ Google Maps ได้มีการสั่งสมประสบการณ์มาก่อนหลายปี ก่อนที่จะมาเป็นแอพให้เราใช้งานกันใน iPhone
ซึ่งถ้าในมุมมองแบบข้างต้นนี้ คือยังศรัทธาและปรับตัวให้เข้ากับแอพ เราก็จะพอมองเห็นการพัฒนาของแอพที่แอปเปิ้ลพยายามเข็นออกมาก่อนหน้านี้ อย่างเช่น Siri ที่เปิดตัวมาในช่วงแรกพร้อมกับความสามารถที่จำกัด แต่ในปัจจุบัน Siri ก็สามารถใช้งานได้มากขึ้น (กว่าเดิม!)

แชร์ไป Facebook

สำหรับการดึงคุณสมบัติการแชร์ข้อมูลไปยัง Facebook เข้ามาผสานไว้ให้เป็นส่วนหนึ่งของระบบ ทำให้การแชร์สิ่งที่กำลังกระทำ-การดูข้อมูลต่างๆ ส่งไปยัง Facebook ทำได้สะดวกมากขึ้น -- โดยแอปเปิ้ลได้เคยรวมระบบการแชร์ไปยัง Twitter เข้ามาก่อนหน้านี้แล้ว
แต่ในการอัพเดทข่าวสารจากเพื่อนๆ และเครือข่ายใน Facebook ผู้ใช้งานก็ยังจะต้องเข้าผ่านแอพ Facebook หรือผ่าน Safari เหมือนเดิม

Passbook ระบบตั๋วเสมือน

ในความเห็นส่วนตัวคิดว่า Passbook เป็นกลยุทธที่แอปเปิ้ลคิดค้น เพื่อเอามาตอบโจทย์ว่าทำไม iOS 6 ถึงยังไม่มี NFC สักที ทั้งที่ Smartphone รุ่นท๊อปจากค่ายอื่นในท้องตลาด ก็มีฟังก์ชั่น NFC กันเกือบครบแล้ว
แอพ Passbook เป็นการสร้างตั๋วเสมือน พร้อมกับแถบบาร์โค้ด ที่ผู้ใช้สามารถซื้อจากผู้ให้บริการต่างๆ ที่ให้บริการ Passbook แล้วนำไปยื่นแสดงต่อเจ้าหน้าที่เพื่อทำการสแกนบาร์โค้ด สำหรับการสั่งซื้อหรือตัดยอดเงินที่อยู่ในตั๋ว
ตัวอย่างเ่ช่น การซื้อตั๋วเครื่องบิน สายการบินจะทำการออกใบ Boarding pass ในรูปแบบของ Passbook โดยให้ผู้โดยสารนำไปสแกนบาร์โค้ดเพื่อแสดงตัวก่อนขึ้นเครื่องบิน หรือการใช้ Passbook เป็นบัตรเติมเงินเพื่อซื้อกาแฟในร้าน Starbuck เป็นต้น
ความเป็นไปได้ในความนิยม จากยอดผู้ใช้ iPhone ทั่วโลก (รวมทั้งในประเทศไทย) การที่ร้านค้าเพิ่มทางเลือกให้บริการ Passbook จะเกิดขึ้นมากอย่างมากมายแน่นอน -- เพราะด้วยความไม่ซับซ้อนมากนักของการใช้งาน เพียงแค่เปลี่ยนจากตั๋วกระดาษมาอยู่ในรูปแบบของตั๋วเสมือนอยู่ในแอพ Passbook แค่นั้น!
ตัวอย่างใกล้ตัวผู้ใช้คนไทย สายการบินนกแอร์ ได้ประกาศพร้อมให้บริการ Passbook ตั้งแต่ iOS 6 ประกาศเปิดตัวได้ไม่นาน

คีย์บอร์ดภาษาไทย

Thai Keyboard in iOS 6
จุดนี้เป็นอีกจุดหนึ่งที่ได้รับการกล่าวถึงอย่างมากในหมู่ผู้ใช้คนไทย หลังจากการอัพเกรด iOS 6 แป้นพิมพ์ภาษาไทยได้ปรับเปลี่ยนจากตำแหน่งที่เคยคุ้นมือ-คุ้นนิ้ว แบบ 3 แถว -- ที่หลายคนไม่ชอบจนต้อง Jailbreak หา Thai Keyboard แบบ 4 แถวมาใช้ -- มาในเวอร์ชั่นนี้ iOS 6 ทางแอปเปิ้ลได้จัดเต็ม เปลี่ยนตำแหน่งแป้นพิมพ์ของ Thai Keyboard เสียใหม่ ให้เหมือน(ใกล้เคียง)กับแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์ที่เราใช้กันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
แต่อุปสรรคในสิ่งใหม่มีอยู่ว่า แป้นพิมพ์ภาษาไทยนั้นใช้พื้นที่ในการแสดงผลจำนวนมาก ไม่เหมือนกับภาษาอังกฤษที่เลือกเฉพาะตัวอักษร A-Z แต่ภาษาไทยใช้แป้นพิมพ์คุ้มมาก เรียกว่ายัดมา 4 แถวยังใส่ไม่หมด บางตัวอักษรยังต้องหลบ-ต้องซ่อน อยู่ในแป้นพิเศษตามมุมต่างๆ ตามความเหมาะสม
แป้นพิมพ์ภาษาไทยใน iOS 6 จึงเปิดตัวมาพร้อมกับการก่นด่าของผู้ใช้คนไทยอย่างกว้างขวาง -- แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การที่มีตำแหน่งเหมือน(ใกล้เคียง)กับแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์ ในที่สุดผู้ใช้ส่วนใหญ่ก็จะปรับตัวให้ชินกับสิ่งใหม่ที่ก้าวเข้ามาในชีวิต แม้ช่วงแรกจะพิมพ์ไปด่าไปก็ตาม -- หรือในทางสุดขั้วก็อาจทนไม่ไหวทำการ Jailbreak หา Keyboard เถื่อนที่พิมพ์ง่ายกว่ามาใช้แทน

ใช้ FaceTime ได้ทุกที่

แอพสำหรับการสนทนาแบบวิดีโอ (Video calling) ระหว่าง iOS ด้วยกัน ที่เปิดตัวมาก่อนหน้านี้ตั้งแต่ยุค iPhone 4 แต่เดิมสามารถใช้งานได้เฉพาะในพื้นที่ ที่มีสัญญาณ Wi-Fi เท่านั้น ไม่สามารถทำงานผ่านคลื่นสัญญาณโทรศัพท์มือถือ -- แต่ใน iOS 6 แอปเปิ้ลได้ปลดล็อกให้ FaceTime ใช้งานได้ในทุกที่ ที่มีสัญญาณมือถือ
อย่างไรก็ตาม การที่ FaceTime สามารถทำงานได้บนสัญญาณมือถือ นั่นก็แปลว่าการใช้งาน FaceTime แม้จะไม่มีค่าใช้จ่ายจากตัวแอพ แต่จะมีค่าบริการถ้าใช้บริการสัญญาณมือถือ -- สำหรับคนที่ใช้ Mobile Data แบบ Unlimited ก็โล่งใจได้ในส่วนนี้

ปลดล็อกอัพโหลดไฟล์รูปใน Safari

ปิดด้วยด้วยความสามารถที่ผู้ใช้หลายคนอาจจะลืมไปแล้วว่า iOS มันสามารถอัพโหลดไฟล์ผ่าน Safari ได้ด้วยหรอ -- ก่อนหน้านี้ iOS ไม่อนุญาตให้เลือกไฟล์อัพโหลดผ่าน Safari -- แต่ใน iOS 6 แอปเปิ้ลอนุญาตให้ใช้คุณสมบัตินี้ได้แล้ว.. เห็นข่าวนี้แล้วน้ำตาจะไหล ขอแชร์นะ..
คัดลอกจาก : http://www.poakpong.com/node/1704

ผลวัดประสิทธิภาพ ระหว่าง iOS 5 กับ iOS 6 สำหรับเครื่องรุ่นเก่าอย่าง iPhone 4S / iPad 3


แอปเปิลบอกไว้อย่างชัดเจนว่า iOS 6 มีการปรับปรุงฟีเจอร์ใหม่ๆ  กว่า 200 รายการ แต่ฟีเจอร์เหล่านี้ ช่วยทำให้ประสิทธิภาพการทำงานดีขึ้นหรือเปล่า ? เป็นคำถามที่น่าสนใจ ซึ่งทาง MacWorld เขามีคำตอบ มาให้โดยทาง Macworld Ladb ได้ทำการทดสอบ วัดประสิทธิภาพต่าง ๆ ด้วยเครื่องมืออย่าง Geekbench, Sun Spider เปรียบเทียบระหว่าง iOS 5.1.1 และ iOS 6 ด้วยอุปกรณ์รุ่นเก่าอย่าง iPhone 4S, iPhone 4, the new iPad (iPad 3), iPad 2 แต่น่าเสียดายไม่ได้มีผลทดสอบ iPhone 3GS รวมอยู่ด้วย เรามาดูผลกันว่า ประสิทธิภาพใน iOS 6 ดีขึ้นมากน้อยแค่ไหน ?

iOS 6 benchmarks : Geekbench


ผลที่ได้แทบไม่แตกต่าง
ios6-geekbench-chartw-100005188-large
หมายเหตุ : คะแนนยิ่งมากยิ่งดี

iOS 6 benchmarks: Page Load


ผลที่ได้แทบไม่แตกต่าง
ios6-page-load-char-tw-100005191-large
หมายเหตุ : คะแนนยิ่งน้อยยิ่งดี ผลเป็นวินาที

iOS 6 benchmarks: SunSpider JavaScript Benchmark


สำหรับการทดสอบรันจาวาสคริปต์ นั้นดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด iPhone 4S, iPad 2 ,iPad 3 เร็วขึ้น ประมาณ 20% เมื่อใช้ iOS 6 ส่วน iPhone 4 เร็วขึ้น 17% เมื่อใช้ iOS 6
ios6-sunspider-chartw-100005192-large
หมายเหตุ : คะแนนยิ่งน้อยยิ่งดี ผลเป็นวินาที

iOS 6 benchmarks: GLBenchmark Egypt Offscreen


สำหรับ GL Benchmark นั้นผลแตกต่างกันอยู่บ้าง แต่ไม่ได้เห็นได้ชัด แบบผลทดสอบจาวาสคริปต์ สำหรับ iPhone 4 ที่ทดสอบ GLBenchmark Egypt Offscreen ได้ผลเท่าเดิม ส่วนผล Pro test แทบไม่ต่างกัน สำหรับ iPhone 4S ผลที่ได้ก็ เร็วขึ้น เพียง 1 % กับ Egypt test และเร็วขึ้น 2.5% สำหรับ Pro Test เมื่อใช้ iOS 6  ส่วน iPad 2 เร็วขึ้น 4% สำหรับ Egypt test แต่ Pro test ผลที่ได้แทบจะเท่าเดิม
สำหรับ iPad 3 นั้นเห็นผลประสิทธิภาพที่ดีขึ้น แต่ก็ยังไม่สามารถแสดงให้เห็นว่า iOS 5.1.1 โดดเด่นกว่า iOS 6 ผล Pro test เร็วขึ้นเพียง 3% ส่วน Egypt test เร็วขึ้น 11% เมื่อเทียบกับ iOS 5.1.1
ios6-glbenchmark-egypt-chartw-100005189-large
หมายเหตุ : คะแนนยี่งมากยิ่งดี ผลเป็น เฟรมต่อวินาที

iOS 6 benchmarks: GLBenchmark Pro Offscreen

ios6-glbenchmark-prow-100005190-large
หมายเหตุ : คะแนนยี่งมากยิ่งดี ผลเป็น เฟรมต่อวินาที

iOS 6 benchmarks: WebVizBench


WebVizBench เป็นการทดสอบประสิทธิภาพ HTML5 (HTML 5 benchmark) ผลที่ได้เท่าเดิมสำหรับ iPhone 4 และ iPad 2 ที่ใช้ A4 Processor ส่วน iPhone 4S และ iPad 3 นั้นดีขึ้น 20% และ 7% ตามลำดับ
ios6-webvizbenchw-100005193-large
หมายเหตุ : คะแนนยี่งมากยิ่งดี ผลเป็น เฟรมต่อวินาที
ผลที่ได้สรุปได้ว่า iOS 5.1.1 กับ iOS 6 ประสิทธิภาพโดยรวม ยกเว้นการรันจาวาคริสปต์ นั้นไม่ค่อยมีผลต่างกันเท่าไหร่นัก ดังนั้นในแง่การอัพเกรดเป็น iOS 6  เพื่อประสิทธิด้านความเร็วที่เพิ่มขึ้น นั้นคงไม่มีผลอะไรต่างกันนัก  ส่วนผลทดสอบ Benchmark ของ iPhone 5 ที่ออกมาโดดเด่นก่อนหน้านี้ คงต้องยกความดีให้กับ A6 Processor ล้วน ๆ ซะแล้ว
คัดลอกจาก : http://www.iphoneapptube.com/2012/09/ios-5-ios-6-iphone-4s-ipad-3.html

สรุปกว่า 200 คุณสมบัติใหม่ใน iOS 6


MacThai ได้นำเสนอข่าวเกี่ยวกับคุณสมบัติใน iOS 6 ที่เพิ่มเข้ามาใหม่ไปแล้วในหลายคุณสมบัติ ซึ่งเพื่อเป็นการต้อนรับ iOS 6 ที่จะเปิดให้ผู้ใช้งานทั่วไปได้อัพเดตกันวันพรุ่งนี้ เราขอสรุปคุณสมบัติใหม่ทั้งหมดกว่า 200 อย่างที่แอปเปิลได้ประกาศไว้ ว่าตกลงแล้วทั้งหมดทั้งมวลมันมีอะไรบ้าง เพราะนับนิ้วแล้วก็นึกออกไม่กี่อย่าง เพราะมีคุณสมบัติหลายอย่างที่ซ่อนไว้แต่ไม่ได้ประกาศ มาดูกันครับ

Maps

iOS 6 ใช้ระบบแผนที่ของแอปเปิลเอง แทนที่ระบบแผนที่ของกูเกิลเดิม ซึ่งเราได้เคยรีวิวไปก่อนหน้านี้แล้ว โดยมีคุณสมบัติใหม่ดังนี้ครับ
  • แผนที่แบบ 2D
  • แผนที่แบบภาพถ่ายดาวเทียม
  • ระบบแนะนำเส้นทาง
  • การแสดงสภาพการจราจร
  • การแสดงภาพสถานที่แบบ 3D
  • ระบบนำทางแบบ turn-by-turn เหมือนอุปกรณ์ GPS ในรถยนต์
  • Local Search ค้นหาข้อมูลสถานที่บนแผนที่เพิ่มเติม
  • Flyover แสดงมุมมองแบบทางอากาศ
  • ทำงานร่วมกับ Siri
  • แสดงผลในแนวนอน

Siri

ใน iOS 5 นั้น Siri สามารถช่วยเหลือในงานพื้นฐานได้พอสมควร แต่บน iOS 6 Siri นั้นเก่งมากขึ้นด้วยคุณสมบัติดังนี้
  • Siri บน new iPad และ iPod Touch รุ่นใหม่
  • ค้นหาข้อมูลการแข่งขันกีฬาและผลการแข่งขัน
  • ค้นหาข้อมูลภาพยนตร์, ผลวิจารณ์, รอบฉาย
  • ค้นหาข้อมูลร้านอาหาร และจองโต๊ะ
  • ทวีตข้อความลง Twitter
  • โพสต์สถานะบน Facebook
  • สั่งให้เปิดแอพ
  • ระบบ Eyes Free ทำงานร่วมกับรถยนต์บางรุ่น (มีในอนาคต)

Facebook

ใน iOS 5 มีการทำงานทุกส่วนร่วมกับ Twitter ได้อย่างไร บน iOS 6 ก็ทำงานในการแชร์ข้อมูลต่างๆ ลง Facebook ได้ดีไม่แพ้กัน
  • แชร์รูปภาพได้จาก Camera หรือ Photos
  • แชร์ตำแหน่งที่เราอยู่จากแผนที่
  • แชร์ลิงก์จาก Safari
  • แชร์คะแนนจาก Game Center
  • สั่ง Siri ให้โพสต์สถานะ
  • ข้อมูลวันเกิดเพื่อนและ Events ใน Facebook จะรวมเข้ามาเตือนใน Calendar
  • ซิงก์ข้อมูลของเพื่อนใน Facebook มารวมไว้ใน Contacts (ถ้าข้อมูลใน Facebook เปลี่ยนก็จะเปลี่ยนใน Contact ด้วย)
  • เชื่อมโยงข้อมูลเพื่อนใน Facebook เข้ากับ Game Center
  • เพิ่มปุ่ม Like ใน iTunes และ App Store
  • โพสต์อัพเดตได้จากหน้า Notification

การแชร์รูปใน Photo Streams

  • แชร์รูปที่ต้องการใน Photo Streams ให้เพื่อนได้ผ่าน iCloud บน iOS 6 หรือ Mountain Lion
  • ดู Photo Streams ผ่าน Apple TV ได้
  • ดูภาพที่แชร์ผ่านเว็บได้
  • รูปบน Photo Stream สามารถกด like หรือแสดงความเห็นได้
  • ไม่จำกัดโควต้าพื้นที่รูปบน Shared Photo Streams อีกต่อไป (ไม่นำไปคิดรวมกับพื้นที่ iCloud)
  • Photo Streams สามารถทำงานได้ทั้งบน Wi-Fi และเครือข่ายมือถือ (เดิมมีแค่ Wi-Fi)

Passbook

  • Passbook เป็นระบบตั๋วคูปองพกพาในที่เดียว
  • ระบบแจ้งเตือนและระบุพิกัด เช่น กำหนดให้เตือนวันของตั๋วเครื่องบินได้ หรือเตือนเมื่ออยู่ในพื้นที่ของร้าน Starbucks เป็นต้น

Facetime

  • Facetime สามารถทำงานบนเครือข่ายมือถือได้แล้ว (iPhone 4S, iPhone 5, new iPad เท่านั้น)
  • Facetime บน iPad สามารถเชื่อมโยงข้อมูลผู้ใช้งานกับเบอร์โทรศัพท์ได้

Phone

  • UI ปุ่มกดหมายเลขแบบใหม่
  • สามารถเลือกไม่รับสาย และส่งข้อความตอบกลับได้
  • สามารถตั้งเตือนให้โทรกลับได้หากไม่รับสาย
  • ตั้งค่า Do Not Disturb กำหนดช่วงเวลาไม่รับโทรศัพท์ตลอดจนการเตือนของแอพต่างๆ ได้
  • Do Not Disturb สามารถกำหนดรายชื่อคนหรือกลุ่มที่ยกเว้นเป็นกรณีพิเศษได้
  • เสิร์ชได้ทุกช่องใน Contacts

Mail

  • Pull to Refresh
  • ระบบรายชื่อ VIP เพื่อให้ไม่พลาดเมลจากคนสำคัญ
  • ระบบรายชื่อ Flagged สำหรับอีเมลขายของที่ส่งมาอยู่ได้ทุกวัน
  • สามารถแนบรูปภาพและวิดีโอตอนเขียนอีเมลได้
  • ทำงานร่วมกับ Do Not Disturb เพื่ออนุญาตให้เตือนอีเมลสำคัญได้
  • แยกลายเซ็นท้ายเมลตามบัญชีอีเมลนั้นๆ

Safari

  • ปุ่ม iCloud เพื่อให้จดจำข้อมูลการใช้งานและไปใช้งานต่อบนอุปกรณ์อื่นได้
  • เซฟทั้งหน้าเว็บไว้ใน Reading List เพื่ออ่านตอนออฟไลน์
  • โพสต์รูปภาพหรือวิดีโอจาก Camera หรือ Camera Roll ลงเว็บได้
  • โหมดเลือกดูหน้าเว็บแบบเต็มจอเวลาวางอุปกรณ์แนวนอน
  • แสดงผลค้นหาแอพใน App Store ได้
  • iPhone สามารถกดลูกศรค้างเพื่อแสดงเว็บเป็นลิสท์แบบ iPad ได้
  • ทำงานกับ JavaScript ได้เร็วขึ้น
  • เปิดได้สูงสุด 24 แท็บบน iPad

Accessibility

  • Guided Access ควบคุมการใช้งานเป็นพิเศษ เช่นปิดคุณสมบัติหน้าจอสัมผัสบางส่วน, ปิดการทำงานปุ่ม Home
  • VoiceOver คุณสมบัติออกเสียงรองรับ Maps, AssistiveTouc และ Zoom

แอพพื้นฐาน

  • Music เพิ่ม Late Night Mode equalizer
  • Reminders บน iPad รองรับการเตือนตามพิกัด
  • Reminders สามารถกำหนดตั้งพิกัดได้เอง
  • Reminders สามารถจัดเรียงรายการบนหน้าจอได้
  • Reminders มี badge แจ้งเตือนที่ไอคอน
  • Find My iPhone เพิ่ม Lost Mode ให้ส่งเบอร์ติดต่อหรือข้อความไปที่เครื่อง เพื่อให้คนที่เก็บเครื่องได้ติดต่อกลับ
  • Find My Friends เพิ่มคุณสมบัติแจ้งเตือนเมื่อเพื่อนอยู่ในพิกัด
  • เพิ่มแอพนาฬิกาบน iPad คุณสมบัติเหมือนบน iPhone ทุกอย่างแต่จอใหญ่ขึ้น
  • นาฬิกาปลุกสามารถเลือกใช้เพลงใน Library ได้ทุกเพลง
  • ปรับหน้าตา Weather ใหม่
  • ระบบ Game Center Challenges

App Store

  • ออกแบบหน้าตาใหม่ทั้งหมด
  • เวลากดโหลดแอพจะไม่เด้งออกไปที่หน้า Home
  • เมื่ออัพเดตแอพจะไม่มีการถาม password
  • กดดู Update History ของแอพนั้นๆ ได้
  • ในหน้าแสดงรายการแอพ ถ้าเราลงแอพนั้นอยู่แล้วจะเป็นปุ่ม “เปิดแอพ” แทน
และรายการเพิ่มเติมอีกมากมาย ได้แก่..
  • คีย์บอร์ดภาษาไทย 4 แถว
  • คีย์บอร์ด Emoji
  • Autocorrection แม้ใช้คีย์บอร์ดเชื่อมต่อภายนอก
  • กล้องถ่ายภาพพาโนรามาได้ (เฉพาะ iPhone 4S, iPhone 5 และ iPod touch รุ่นล่าสุด)
  • ปรับปรุง HDR ของกล้อง
  • เมนูแชร์แบบเป็นไอคอน
  • ระบบเดินหน้าถอยหลังแบบใหม่เวลาฟัง Podcast
  • Menu Bar ด้านบน เปลี่ยนสีไปตามโทนสีของแอพที่ใช้งานอยู่
  • ปุ่มเลื่อนปรับเสียงเวลาฟังเพลงมีแสงเงาชัดมากขึ้น
  • ป้ายกำกับ New ถ้าเป็นแอพที่เราลงใหม่
  • ทวีตจาก Notification Bar ได้
  • ปรับการสั่นแจ้งเตือน
  • ภาพตัวหมุนเวลาปิดเครื่องเพิ่มความละเอียดเป็นระดับ Retina
  • บลูทูธรองรับการเชื่อมต่อ MAP
  • การเชื่อมต่อ Wi-Fi และ LTE รองรับ IPv6
  • กำหนด Dictionary ส่วนบุคคลบน iCloud ได้
  • การค้นหา SpotLight แสดงชื่อ Folder กำกับด้วย
  • พรีวิว Wallpaper แบบ live
  • Kernel ASLR เพิ่มความปลอดภัยมากขึ้น
  • กำหนด Proxy ในการเชื่อมต่อ HTTP ได้
  • ปรับการเข้าถึงข้อมูล Contacts ของแอพได้
  • รองรับการป้อนพินอินแบบย่อและเต็มผสมกัน (จีน) รวมถึงพิมพ์ทับศัพท์ภาษาอังกฤษได้
  • Safari เพิ่ม Baidu เป็นเสิร์ชทางเลือกสำหรับผู้ใช้ภาษาจีน
  • เลือกแชร์วิดีโอไปยังเว็บ Youku หรือ Tudou ของจีนได้
  • แชร์รูปภาพ และข้อมูลอื่นไปยัง Sina Weibo (Twitter จีน) ได้
ยังมีคุณสมบัติอีกหลายรายการที่ไม่ได้เอ่ยถึงในนี้ ก็เอาเป็นว่าขอให้สนุกกับคุณสมบัติใหม่อันมากมายมหาศาลบน iOS 6 ที่กำลังจะออกมากันนะครับ
คัดลอกจาก : http://www.macthai.com/2012/09/18/all-200-new-features-in-ios-6/

iOS 6 Preview - Find My iPhone, Lost Mode


Find My iPhone - Lost Mode

“สะกดรอย ทุกการเคลื่อนที่”



ไม่ต้องตกใจ ถ้าจำไม่ได้ว่าลืมเครื่อง iPhone iPad ไว้ที่ไหน! iCloud จะช่วยตามหาอุปกรณ์จากที่ๆคุณลืมวางไว้ เพียง sing in ที่ iCloud.com หรือ ใช้แอพ Find My iPhone เพื่อตามหาเครื่อง iPhoneiPad iPod touch หรือแม้กระทั้งเครื่อง Mac บนแผนที่ iOS 6 นั้นได้เพิ่มฟีเจอร์ Lost Mode ที่จะทำให้การค้นหา และการปกป้องข้อมูลบนอุปกรณ์ที่หายไปทำได้ง่ายยิ่งขึ้นโดยระบบจะบันทึกพิกัดบนแผนที่ทุกครั้งที่ตัวเครื่องมีการเคลื่นย้ายตำแหน่ง.
เมื่อเครื่องที่สูญหายถูกตั้งค่าด้วย Lost Mode คุณสามารถล็อคเครื่อง, ส่งข้อความ พร้อมเบอร์ติดต่อกลับ ผู้ใจดีที่เก็บเครื่องของคุณไว้สามารถโทรกลับมายังเบอร์ที่ระบุได้จากหน้าจอ แต่ไม่อาจเข้าถึงข้อมูลอื่นๆบนเครื่องได้

ล็อคเครื่องที่สูญหาย ด้วยรหัส ดิจิตอล 4 หลัก หรือ เลือกที่จะลบข้อมูลส่วนตัวทั้งหมดบนเครื่อง และเซ็ทการตั้งค่ากลับไปเป็นค่าเริ่มต้นจากโรงงาน

สั่งให้เครื่องส่งเสียง (แม้ว่าเครื่องจะปิดเสียงอยู่ก็ตาม) หรือ เลือกที่จะส่งข้อความ พร้อมหมายเลขติดต่อกลับ. ผู้ที่เก็บเครื่องไว้สามารถโทรกลับไปยังเบอร์ที่ระบุได้จากหน้าจอเพียงกดปุ่มโทรจากหน้าจอ iPhone แต่ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวภายในเครื่องได้

เมื่อคุณค้นหาด้วยแอพ Find My iPhone แล้วพบว่าอุปกรณ์ที่สูญหายอยู่ในสถานะ Offline คุณสามารถตั้งให้ระบบส่งอีเมล์แจ้งเตือนทันทีที่เครื่องเชื่อมต่อสัญญาณ Wi-Fi หรือ สัญญาณโทรศัพท์

คัดลอกจาก : http://www.maccomseven.com/site/content.php?iOS%206%20Preview%20-%20Find%20My%20iPhone,%20%20Lost%20Mode&page=sub&category=162&id=450

เรื่องน่ารู้ก่อนอัพเดทเป็น iOS 6 และวิธีอัพเดท iOS 6 แบบ OTA


แอปเปิลมีกำหนดปล่อย iOS 6 ในวันที่ 19 กันยายนนี้ ซึ่งตรงกับช่วงเที่ยงคืนวันพฤหัสตามเวลาในประเทศไทย
เชื่อว่าตอนนี้หลายคนที่ใช้งาน iPhone และ iPad กำลังรอคอยการอัพเดทและได้สัมผัสกับระบบปฏิบัติการบน
สมาร์ทโฟนตัวล่าสุดตัวนี้อย่างแน่นอน สำหรับ iOS 6 มาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ที่มากถึง 200 ฟีเจอร์ ส่วนด้านราย
ละเอียดต่างๆ ทางแอปเปิลได้พรีวิวให้ดูแล้วในงานเปิดตัว New iPad ที่ผ่านมา และหลายคนที่ได้ทดลองใช้งาน
เวอร์ชั่น Beta คงทราบถึงฟีเจอร์ใหม่ต่างๆ ที่เพิ่มเข้ามาแล้ว วันนี้จึงขอแนะนำสำหรับผู้ใช้งานมือใหม่ที่ต้องการ
อัพเดท iOS จากเวอร์ชั่นอื่นๆ เป็น iOS 6 กับเรื่องน่ารู้ก่อนอัพเดทเป็น iOS 6 ติดตามได้เลยครับ
เรื่องน่ารู้ก่อนอัพเดทเป็น iOS 6 
  • iOS 6 สามารถอัพเดทได้บน iPhone 3GS, iPhone 4, iPhone 4S, iPod Touch 4th Gen, iPad 2 และ
    The new iPad ต้องเป็นเครื่องแบบ Official unlocked ที่ซื้อจาก True, AIS, Dtac หรือ Apple Store Thai
  • iOS 6 จะมาพร้อมกับคีย์บอร์ดไทย 4 แถวเป็นค่ามาตรฐาน หากใครยังชอบหรือยึดติดกับคีย์บอร์ดไทย 3 แถว
    แนะนำว่าไม่ควรอัพเดทหรืออาจจะต้องใช้เวลาปรับตัวในการพิมพ์สักระยะ
  • iOS 6 ไม่มีแอพฯ ดู Youtube มาให้แล้ว ซึ่งปกติใน iOS เวอร์ชั่นอื่นๆ จะมีแอพฯ Youtube มาให้เป็นแอพฯ พื้นฐาน
    หลังจากแอปเปิลทำ iOS 6 และหมดสัญญากับทางกูเกิล แอปเปิลก็เลยเอาแอพฯ Youtube ออก แต่ไม่ต้องตกใจ
    เพราะทางกูเกิลได้ออกแอพฯ ดู Youtube สำหรับ iPhone และ iPod Touch แล้วฟรี!
  • iOS 6 ไม่มีแอพฯ ดูแผนที่จาก Google Maps คงเป็นเหตุผลเดียวกับที่ไม่มีแอพฯ Youtube ซึ่งบน iOS 6 แอปเปิล
    ได้ใช้แอพฯ แผนที่ที่พัฒนาขึ้นมาเองและรองรับการใช้งานแบบ 3 มิติด้วย ซึ่งการใช้งานในประเทศไทยยังทำงานได้
    ไม่ดีเท่าไหร่นัก
  • iOS 6 มีการอินทิเกรท Facebook และ Twitter สามารถโพสต์และทวีตเพียงเลื่อน Notifications ลงมา
  • iOS 6 มีปรับปรุงให้ Siri ฉลาดขึ้นสามารถถามผลการแข่งขันกีฬา หาร้านอาหารได้ รอบหนัง แต่เมืองไทย Siri เป็น
    ฟีเจอร์ที่คนใช้งานน้อยมาก (ถ้าไม่เก่งภาษาอังกฤษ)
  • iOS 6 ใช้งาน FaceTime ผ่าน 3G ได้แล้ว เฉพาะ iPhone 4S, iPhone 5 และ The new iPad
  • iOS 6 เพิ่มแอพฯ Passbook เป็นระบบตั๋วคูปองพกพาแอพฯ เดียวอยู่ แต่ก็เป็นอีกแอพฯ ที่ไม่ค่อยมีประโยชน์ในไทย
  • iOS 6 ปรับปรุงแอพฯ โทรศัพท์ใหม่ (Phone) เพิ่มวิธีรับสายแบบใหม่ โดยการลากขึ้นด้านบนเหมือนกับเปิดกล้องจากหน้า
    ล็อกสกรีน และเพิ่มเมนูช่วยเตือนให้โทรกลับภายหลัง หรือส่งข้อความแทนการรับสายได้
  • iOS 6 ฟีเจอร์ Do Not Disturb ปิดการแจ้งเตือนต่างๆ (ชอบมาก) คือปิดการแจ้งเตือนต่าง ๆ จะไม่มีการแจ้งเตือนมา
    รบกวน (ใช้กรณีที่ต้องการพักผ่อนหรือตอนนอนหลับ) โดยการแจ้งเตือนต่าง ๆ ยังคงเคลื่อนไหวตามปกติ เพียงแต่จะ
    ไม่แสดงผลให้เราทราบนั้นเอง
  • App Store ดีไซน์ใหม่ สามารถกดไลค์ แชร์แอพฯ ที่น่าสนใจไปยัง Facebook ได้
  • แชร์รูปภาพที่ต้องการใน Photo Streams ให้เพื่อนได้ผ่าน iCloud ได้
  • เพิ่มเมนูแชร์ไอคอนต่างๆ เช่น ต้องการแชร์ไปเฟซบุ๊กก็มีไอคอนเฟซบุ๊ก คล้ายๆ กับของ Android
  • iOS 6 ปรับปรุงการถ่ายภาพและมาพร้อมกับฟีเจอร์ Panorama ถ่ายภาพพาโนรามาเหมือน iPhone 5
  • ปรับปรุง Safari อ่านเว็บแบบออฟไลน์ได้ และเพิ่มฟีเจอร์ Smart app banners สำหรับแนะนำแอพฯ จากหน้าเว็บที่
    เปิดอยู่ หรือซิงก์การทำงานนั้นไปยังแอพฯ ได้และเพิ่ม iCloud Tabs สำหรับซิงก์แท็บที่เปิดในอุปกรณ์อื่น ๆ เช่น ซิงก์
    ข้อมูลจากไอโฟนผ่าน Safari ได้
  • อื่นๆ อีกมากมาย ฮ่าๆ ต้องไปลองเล่นเอาเองนะครับ อันนี้เขียนตัวที่เด่นๆ เท่านั้นนะครับ
วิธีอัพเดท iOS แบบ OTA (Over The Air) ผ่าน Wi-Fi เท่านั้น (ภาพตัวอย่างเป็น iOS Beta 3)
  • ก่อนอัพ iOS 6 แนะนำให้ BackUp ข้อมูลไว้ก่อนนะครับ เผื่อเกิดข้อผิดพลาดจะได้แก้ไขได้ทัน
  • ในกรณีที่อัพเดทผ่าน iTunes ควรอัพเดท iTunes เป็นเวอร์ชั่นล่าสุดก่อนนะครับ ดาวน์โหลดได้ที่นี่ 
  • เครื่องที่เจลเบรค แนะนำว่าอย่าเพิ่งอัพเดท ควรรอเวอร์ชั่นเจลเบรคนะครับ
  • อย่าลืมเช็คพื้นที่บน iPhone, iPad ก่อนนะครับ ว่าเหลือเพียงพอต่อการอัพเดทไหม โดยไปที่เมนู Usage
ดาวน์โหลด iOS 6 แบบลิงก์ตรงอัพผ่าน iTunes โดยกด Shift ค้างแล้วคลิก Check for Update
จากนั้นเลือกไฟล์อัพเดทที่ต้องการ
1. เปิดแอพฯ Settings (ตั้งค่า) > General (ทั่วไป) > Software Update (อัพเดทซอฟท์แวร์)
2. ระบบจะทำการเช็คว่ามีซอฟท์แวร์ใหม่หรือไม่ หากมีซอฟท์แวร์ใหม่ก็จะแสดงรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับซอฟท์แวร์ตัวใหม่
ในขั้นตอนนี้ให้แตะเลือก Download and Install
3. Terms and Conditions จะอธิบายเกี่ยวกับข้อกำหนดการใช้งานต่าง ๆ ให้แตะปุ่ม Agree จากนั้นจะมีข้อความแนะนำว่า
การอัพเดทซอฟท์แวร์จะทำให้สิ้นเปลืองพลังงาน หาก iPhone เรามีแบตเตอรี่เพียงพอให้กด Continue ได้เลย แต่ถ้า
iPhone เหลือปริมาณแบตน้อยให้ทำการเสียบสายชาร์จก่อนกด Continue
4. เริ่มดาวน์โหลดไฟล์อัพเดท โดยจะมีสถานะแสดงการดาวน์โหลด เมื่อดาวน์โหลดเสร็จจะมีข้อความแสดง ให้แตะปุ่ม Install
เพื่อติดตั้งซอฟท์แวร์อัพเดท
5. หลังจากแตะปุ่ม Install จะมีข้อความ Verifying update เพื่อทำการตรวจสอบและยืนยันการติดตั้ง จากนั้นหน้าจอ
iPhone ก็จะเปลี่ยนเป็นสีดำ ขั้นตอนนี้ให้รอสักครู่ ระบบกำลังทำการอัพเดทซอฟท์แวร์ใหม่ เมื่ออัพเดทเสร็จ iPhone
จะ Restart เครื่องเองและจะทำการเริ่มระบบใหม่ให้อัตโนมัติ

คัดลอกจาก : http://www.108blog.net/archives/7725